Home Business Digital Media UTM สร้างยังไง ? คู่มือการสร้าง UTM Tags ที่นักการตลาดควรรู้

UTM สร้างยังไง ? คู่มือการสร้าง UTM Tags ที่นักการตลาดควรรู้

406
0

UTM สร้างยังไง คำถามที่หลายๆ คน สงสัยกัในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจและการตลาด, UTM (Urchin Tracking Module) Tags หรือ UTM Parameters คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถติดตามแหล่งที่มาของการจราจรไปยังเว็บไซต์ของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถวัดผลการทำงานของแคมเปญต่างๆ ได้เป็นอย่างดี UTM Tags คือพารามิเตอร์ที่เพิ่มลงใน URL ซึ่งช่วยให้เครื่องมือวิเคราะห์เช่น Google Analytics สามารถบอกได้ว่าผู้เยี่ยมชมเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณจากช่องทางใด, แคมเปญใด, และด้วยคีย์เวิร์ดใด วันนี้เราเลยจะพามาหาคำตอบว่า UTM สร้างยังไง กันครับ

การสร้าง UTM Tags

UTM สร้างยังไง

การสร้าง UTM Tags ไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องเพิ่มพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องไปยัง URL ปลายทางที่คุณต้องการติดตาม พารามิเตอร์เหล่านี้รวมถึง:

  1. utm_source: ช่องทางหรือแหล่งที่มา (เช่น facebook, google, newsletter)
  2. utm_medium: ประเภทของสื่อที่ใช้ (เช่น cpc, banner, email)
  3. utm_campaign: ชื่อแคมเปญ (เช่น 2022_summer_sale)
  4. utm_term: คำหลักสำหรับแคมเปญที่จ่ายเงิน (โดยทั่วไปใช้สำหรับการจัดอันดับคำหลัก)
  5. utm_content: ใช้เพื่อแยกแยะเนื้อหาที่แตกต่างกันในแคมเปญเดียวกัน (เช่น ปุ่มที่ต่างกันในอีเมลเดียวกัน)

วิธีการใช้งาน

หลังจากสร้าง URL ที่มี UTM Tags แล้ว คุณสามารถใช้ URL นี้ในโฆษณา, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย, หรือแม้กระทั่งในอีเมลของคุณ เมื่อผู้ใช้คลิกที่ลิงค์ดังกล่าว ข้อมูลที่รวบรวมจาก UTM Tags จะถูกส่งไปยัง Google Analytics หรือเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ที่คุณใช้ ทำให้คุณสามารถเห็นผลการทำงานของแคมเปญในแต่ละช่องทางได้อย่างชัดเจน

การใช้งาน UTM Tags ทำให้คุณสามารถทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและปรับปรุงแคมเปญให้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการมากยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ผลที่เกิดจาก UTM Tags คือหัวใจสำคัญของการตลาดที่มีประสิทธิภาพในยุคสมัยนี้ครับ.

แล้วเราต้องไปสร้าง UTM ที่ไหน

คุณสามารถสร้าง UTM tags ได้ง่ายๆ ผ่านเครื่องมือหลายตัวที่มีให้บริการออนไลน์ แต่หนึ่งในเครื่องมือที่นิยมและเชื่อถือได้ที่สุดคือ Google’s Campaign URL Builder นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้เครื่องมือนี้:

  1. เข้าไปที่ Google Campaign URL Builder: คุณสามารถค้นหาใน Google ด้วยคำว่า “Google Campaign URL Builder” หรือเข้าไปที่ลิงค์โดยตรงได้จาก Google Analytics Demos & Tools page.
  2. กรอกข้อมูลพื้นฐานของแคมเปญ: ใส่ URL ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการโปรโมตในช่อง ‘Website URL’. จากนั้น, กรอก ‘Campaign Source’, ‘Campaign Medium’, และ ‘Campaign Name’. พารามิเตอร์เหล่านี้จำเป็นสำหรับการสร้าง UTM ที่มีประสิทธิภาพ.
  3. (ตัวเลือก) ใส่ข้อมูลเพิ่มเติมถ้าจำเป็น: คุณยังสามารถเพิ่ม ‘Campaign Term’ และ ‘Campaign Content’ ซึ่งจะช่วยในการแยกแยะและติดตามความแตกต่างในแคมเปญที่ใช้คำหลักหรือเนื้อหาที่แตกต่างกัน.
  4. สร้าง URL: เมื่อคุณกรอกข้อมูลเสร็จสิ้น, เครื่องมือจะสร้าง URL ที่มี UTM tags ให้ทันที. คุณสามารถคัดลอกลิงค์นี้และใช้งานได้ทันทีในแคมเปญโฆษณาหรือโปรโมชั่นต่างๆ.

การใช้ UTM tags จะช่วยให้คุณติดตามแหล่งที่มาและประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ, ช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ว่าช่องทางใดนำผลตอบแทนมาให้มากที่สุดและปรับใช้งบประมาณในการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การใช้ UTM ดีกับการตลาดยังไง

UTM สร้างยังไง ?
  1. การติดตามแหล่งที่มาของการจราจรได้อย่างชัดเจน: UTM tags ช่วยให้คุณสามารถระบุได้ว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาจากช่องทางไหน เช่น โซเชียลมีเดีย, อีเมล, หรือแคมเปญโฆษณาแบบจ่ายเงิน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทราบได้ว่าช่องทางใดให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  2. การประเมินผลแคมเปญการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ด้วยการใช้ UTM tags, คุณสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญต่างๆ ได้อย่างละเอียด, เช่น การดูข้อมูลการคลิก, อัตราการแปลง, และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถทดสอบ A/B ระหว่างแคมเปญต่างๆ และปรับใช้ข้อมูลที่ได้เพื่อการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. การจัดการและปรับปรุง ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน): UTM tags ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบผลตอบแทนจากการลงทุนของแคมเปญโฆษณาแต่ละรายการได้โดยตรง คุณสามารถเห็นได้ว่างบประมาณที่คุณใช้ไปกับช่องทางใดนั้นคุ้มค่าหรือไม่
  4. การตัดสินใจทางการตลาดที่มีข้อมูลสนับสนุน: ด้วยข้อมูลที่ได้จาก UTM tags, นักการตลาดสามารถทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การตลาดได้ตามข้อมูลจริงที่ได้รับจากผลการติดตาม
  5. การปรับแต่งเนื้อหาและข้อเสนอแต่ละอันตามกลุ่มเป้าหมาย: การใช้ UTM tags ช่วยให้คุณสามารถเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่ตอบสนองต่อแคมเปญใดอย่างไร ซึ่งทำให้คุณสามารถปรับเนื้อหาและข้อเสนอให้ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ดีขึ้น

ติดตามเราได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/robertiscream

instagram : https://instagram.com/robertiscream

อ่าน Content อื่น ของ Robert i scream ได้ใน robert-i-scream.com